วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ผลไม้นานาชนิด

                                                                    ผลไม้นานาชนิด

 กล้วย (Banana)
คุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณ:
    กล้วย มีคุณค่าอาหารสูง ให้พลังงาน 100 แคลอรีต่อ 100 กรัม กล้วยสุกย่อยง่าย ให้คาร์โบไฮเดรต และวิตามินเอสูง มีการวิจัยพบว่า กล้วยน้ำว้ามีโปรตีนใกล้เคียงกับนมแม่มาก กล้วยสุกจึงเป็นอาหารเสริมที่ดีที่สุดสำหรับทารก (ตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป) สำหรับอาการท้องผูก แก้ด้วยการกินกล้วยสุกทุกวัน วันละ 3-4 ผล เวลาใดก็ได้ เพราะกล้วยสุกมีสารเพกติน (pectin) ช่วยเพิ่มกากและกระตุ้นให้ลำไส้ทำงานเป็นปกติ คนที่ทองเสีย ซึ่งไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อร้ายแรง กินกล้วยดิบบรรเทาอาการท้องเสียได้ เพราะในกล้วยดิบมีสารแทนนิน (tannin) ซึ่งเป็นยาสมาน หรือนำกล้วยดิบมาปิ้งให้สุก กินครั้งละ 1-2 ผล วันละ 3-4 ครั้ง จะช่วยแก้อาการท้องเสียได้


แก้วมังกร (Dragon Fruit, Pitaya)
คุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณ:
       แก้วมังกร มีสารอาหารหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามินซี และมีเส้นใย มีสรรพคุณช่วยลด คอเลสเตอรอล ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจ ลดความดันโลหิต ควบคุมน้ำหนัก แก้ท้องผูก ป้องกันมะเร็งสำไส้ใหญ่และช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น


ขนุน (Jack Fruit)
คุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณ:
    ขนุน เป็นยาระบายอ่อน ๆ  บำรุงกำลัง แก้กระหายน้ำ ช่วยให้หายเมา ช่วยในการย่อยอาหาร ขนุนให้พลังงานสูง เพราะมีคาร์โบไฮเดรต นอกจากนี้ยังมีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตาอีกด้วย ส่วน เมล็ด ช่วยขับน้ำนมในสตรีหลังคลอดและบำรุงร่างกาย แก่น หรือ กรัก ของต้นขนุนนำไปต้มน้ำ ทำเป็นสีย้อมฝาด ใช้ย้อมสบงจีวรพระ
 

เงาะ (Rambutan)
คุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณ:
      เงาะเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีขายกันอยู่ทั่วไป เป็นผลไม้รสหวาน มีฤทธิ์อุ่น ไม่มีพิษ เงาะอุดมด้วยวิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก ใยอาหาร(Fiber) ช่วยในการป้องกันโรคหวัด มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง นอกจากนี้เงาะสดสามารถแก้อาการท้องร่วงชนิดรุนแรงได้ผลดี ถ้านำเปลือกมาต้มกินน้ำใช้เป็นยาแก้อักเสบได้ เพราะมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย รักษาอาการอักเสบในช่องปาก และโรคบิดท้องร่วง ข้อควรระวังอย่างหนึ่งคือ เม็ดของเงาะไม่ควรจะรับประทาน เพราะมีพิษ ที่ทำให้เกิดอาการปวดท้อง เวียนศีรษะ มีไข้ คลื่นไส้ และอาเจียน


แตงโม (Watermelon)
คุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณ:
แตงโม มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก โพแทสเซียม และวิตามินต่าง ๆ โดยเฉพาะวิตามินเอ มีมากเป็นพิเศษในเนื้อสีแดง นอกจากนี้ยังมีสาร citrulline ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยถอนพิษสุราได้ และมีเอนไซม์ที่ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร น้ำแตงโม ช่วยให้ร่างกายขับปัสสาวะได้ดี ช่วยล้างไตและกระเพาะปัสสาวะ บรรเทาอาหารผิวหนังแห้งกร้านอันเนื่องมาจากภาวะเลือดเป็นกรด เพราะกินเนื้อสัตว์ ของทอด ขนมหวาน อาหารแป้งขัดขาว และเครื่องดื่มพวกกาแฟหรือน้ำอัดลมมากเกินไป น้ำแตงโมจะช่วยไม่ให้ร่างกายสะสมกรดยูริก อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคไขข้อ และโรคเกาต์
 

ฝรั่ง (Guava)
คุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณ:
            ฝรั่ง เป็นผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินซี และวิตามินเอ  ซึ่งมีมากกว่ามะนาวถึง 4 เท่า ทำให้ฝรั่งมีคุณค่าในการสร้างความต้านทานโรคหวัดได้เป็นอย่างดี  นอกจากนี้ยังมีการแนะนำให้รับประทานฝรั่งเพื่อลดความอ้วนเพราะฝรั่งเป็นผล ไม้ที่มีความกรอบ เคี้ยวเพลิน และไม่เพิ่มน้ำหนัก
       คุณค่าทางอาหารประกอบด้วย วิตามินเอ,วิตามินซี, B1,B2,แคลเซียม,ฟอสฟอรัส,นอกจากนี้ยังมีสารพวกเพคตินและแทนนิน (TANNIN) จำนวนมากด้วย สำหรับคุณประโยชน์ทางอาหารสรุป ได้ดังนี้
       วิตามินซีและวิตามินเอ  ช่วยให้มีความต้านทานต่อโรคหวัดเพิ่มขึ้น บำรุงเหงือกและฟัน , ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
       สารเพคติน (PECTIN)  เป็นยาระบายอ่อน ๆ แก้ท้องผูกได้ดี
       สารแทนนิน (TANNIN)  มีฤทธิ์เป็นยาฝาดสมาน สามารถบรรเทาอาการท้องร่วงและห้ามเลือดได้  ช่วยสมานแผลและบรรเทาอาหารเจ็บคอ

มะละกอ (Papaya)
คุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณ:
เนื้อมะละกอสุก เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยขับปัสสาวะ สารอาหารในมะละกอทั้งสุกและดิบประกอบด้วย คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ และวิตามินซี มะละกอมียางสีขาวที่ไหลออกจากใบ ก้าน และผล ซึ่งยางนี้มีเอนไซม์ชนิดหนึ่งชื่อ ปาเปน(papainX) และไคโมปาเปน (chymopapain) มีคุณสมบัติช่วยย่อยโปรตีนในเนื้อสัตว์ จึงนำมาใช้หมักเนื้อให้เปื่อยนุ่ม หรือใสน้ำต้มเนื้อทำให้เนื้อเปื่อยเร็ว นอกจากนี้ยังใช้ในการดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ได้อีกด้วย ราก ต้มกินแก้ธาตุพิการ ใบสด ย่างไฟใช้ประคบบริเวณที่ปวดบวม เมล็ด ใช้ขับพยาธิและดับกระหายได้
 

สับปะรด (Pineapple)
คุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณ:
     1. ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง รับประทานสับปะรดวันละ หนึ่งชิ้น ก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินซี ที่สำคัญคือวิตามินซีช่วยในการทำงานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน และยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อ และต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ
     การรับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้นจึงเป็นการเพิ่มแรงต้านโรคให้แก่ร่างกาย แต่ในผู้ที่มีเลือดจางไม่ควรกินมากนัก
     2. ช่วยในการย่อยอาหาร สับปะรดมีกากใยอาหารมาก ซึ่งมีความสำคัญกับการย่อยอาหาร และเป็นที่รู้กันอยู่ว่ากากใยอาหารช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือด และช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง
 

ส้มเขียวหวาน (Mandarin orange)
คุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณ:
     ส้มเขียวหวาน คุณค่าอาหารสูงมาก มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก โซเดียม โพแทสเซียม วิตามินเอ วิตามินซี และวิตามินบีรวม เนื้อส้ม ช่วยเจริญอาหาร วิตามินซีในส้มรักษาโรคเหงือก ซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ชานส้ม ช่วยขับถ่ายและป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ เปลือกส้ม มีน้ำมันหอมระเหยที่นำมาใช้ทำยาบำรุง ใช้ทาใบหน้าป้องกันและรักษาสิวฝ้า


แอปเปิ้ล (Apple)
      มีสารสำคัญ คือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ เพคติน แต่ที่น่าสนใจสำคัญคุณผู้หญิงทั้งหลายคือ เจ้าตัว
           เพคติน นี้มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก และลดโคเลสเตอรอล หากคุณหิวจนตาลาย แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหารแอปเปิ้ลสักลูกจะช่วยลดความหิวได้ เพราะแอปเปิ้ลมีแป้ง และน้ำตาลในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75 %ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลพิเศษชนิดนี้ได้รวดเร็วและนำไปใช้ประโยชน์ ได้ ในเวลาไม่เกิน 10 นาที
 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น