หนุนลดเวลาเรียนเด็ก อัดเยอะปิดกั้นคิดสร้างสรรค์
โดย pimchanok | วันที่ 7 พฤศจิกายน 2555
กุมารแพทย์หนุนปรับลดเวลาเรียนเด็กไทย
ชี้สอนอัดแน่นเกินไป ปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์เด็ก แนะปูพื้นคุณธรรม จริยธรรมก่อนวิชาการ
โดยเฉพาะช่วงอนุบาลถึงประถมต้น เน้นออกกำลังกาย เล่นกีฬา เรียนรู้นอกห้อง
สอนวิธีการเรียนรู้ให้เด็ก เชื่อ ช่วยพัฒนาศักยภาพของเด็กได้ดีกว่าการนั่งท่องจำ
ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา
ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
(บอร์ด กพฐ.) ให้ทบทวนจำนวนคาบเรียนต่อวัน ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปว่า
จะปรับหรือลดแน่ชัดหรือไม่ ว่า ปัจจุบันการเรียนการสอนของประเทศไทยมีจำนวนวิชามากจนเกินไป
โดยเฉพาะเด็กในช่วงชั้นอนุบาลจนถึงประถมศึกษาตอนต้น ซึ่งสมควรสอนในเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมมากกว่าวิชาความรู้อื่นๆ
ที่อัดแน่นตั้งแต่เด็ก ซึ่งตนมองว่าวิชาเหล่านั้นสามารถเรียนรู้ในภายหลังได้ เนื่องจากเรียนรู้ไวเกินไปสุดท้ายก็ลืมหมด
แต่ควรที่จะต้องปลูกฝังความเป็นคนดีให้แก่เด็กตั้งแต่แรกเริ่ม เช่น การออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา
เพื่อให้เด็กรู้จักความสามัคคี การรู้แพ้ รู้ชนะ การออกไปเรียนรู้หรือทดลองปฏิบัตินอกห้องเรียน
รวมไปถึงกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ต่างๆ
“ในต่างประเทศทั้งประเทศแถบสแกนดิเนเวีย
หรือญี่ปุ่น ต่างสอนเด็กของเขาในเรื่องนี้ตั้งแต่ยังเล็ก เพราะเขาต้องการให้พื้นฐานของเด็กดีก่อน
มีสุขภาพที่แข็งแรง และรู้จักสังคม ตนเห็นด้วยหากจะปรับลดจำนวนคาบการเรียนการสอน
โดยหันไปเน้นเรื่องคุณธรรม จริยธรรม การเรียนจากของจริงนอกห้องเรียนมากกว่าเรียนในกระดาษ
รวมไปถึงการออกกำลังกาย เล่นกีฬาบ่อยๆ สอนวิธีการเรียนรู้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญกว่ามานั่งท่องจำเยอะๆในห้องเรียน”
ปธ.ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ กล่าว
ศ.นพ.สมศักดิ์
กล่าวอีกว่า จะสังเกตได้ว่า ประเทศที่พัฒนาแล้ว การเรียนการสอนจะน้อย ไม่อัดแน่นเหมือนประเทศไทยที่เด็กนั่งเรียนกันจนไม่มีเวลาคิดอะไรที่สร้างสรรค์
ซึ่งในต่างประเทศให้เด็กเรียนเพียงครึ่งวัน จากนั้นจึงให้ไปเรียนรู้ด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาสมอง
และวิธีการเรียนรู้ ทั้งนี้ หากประเทศไทยจะปรับลดจำนวนคาบเรียน ควรมีการหากิจกรรมให้เด็กทำ
แต่ครูต้องไม่เข้าไปสอน เพราะหากมีการสอนมากๆ เด็กก็จะหันไปเล่นเกมแทน แต่หากมีกิจกรรมให้เด็กได้ทำก็จะช่วยลดการคลายเครียดด้วยการเล่นเกมมากๆ
ได้ นอกจากนี้ ควรเน้นในเรื่องการอ่านเพื่อสร้างจินตนาการให้เด็กด้วย เชื่อว่า จะช่วยพัฒนาให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีศักยภาพที่ดีได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น